ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวา

ภาพยนต์โรแมนติกเกาหลีเรื่องหนึ่งนำเสมอความแตกต่างระหว่างเพศชายและเพศหญิงให้เห็นได้อย่างชัดเจนผ่านประโยคสั้นๆ ที่ตั้งเป็นชื่อหนังว่า “Turn left Turn right” แปลเป็นภาษาไทยเท่ ๆ ได้ว่า “ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวา” หลายคนพยักหน้าเห็นด้วยจากประสบการณ์ที่พบเจอจากคนรอบตัว…

ภาพยนต์โรแมนติกเกาหลีเรื่องหนึ่งนำเสมอความแตกต่างระหว่างเพศชายและเพศหญิงให้เห็นได้อย่างชัดเจนผ่านประโยคสั้นๆ ที่ตั้งเป็นชื่อหนังว่า “Turn left Turn right” แปลเป็นภาษาไทยเท่ ๆ ได้ว่า “ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวา” หลายคนพยักหน้าเห็นด้วยจากประสบการณ์ที่พบเจอจากคนรอบตัว รวมทั้งตัวเองด้วย หลายครั้งที่เราคุยเรื่องเดียวกัน แต่คุยยังไงก็ไม่รู้เรื่อง แม้ต้องจบด้วยการแยกย้าย แต่ยังไงสุดท้ายก็ต้องได้กลับมาคุยกันอยู่ดี สิ่งที่น่าสนใจจากเหตุการณ์เหล่านี้ก็คืออะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงและผู้ชายมีความคิดที่แตกต่างกัน และมันจะมีทางออกของปัญหาสุดคลาสสิคนี้ไหม เก็บข้อข้องใจไว้ก่อน แล้วลองค่อยๆ อ่านบรรทัดต่อไป เผื่อจะได้คำตอบให้กับตัวเอง

    จากการศึกษาของทีมนักวิจัยในสหรัฐทำให้ได้ข้อมูลที่น่าประหลาดใจ โดย ศาสตราจารย์รีจินา เวอร์มา(Regina Verma) หัวหน้าทีมวิจัยได้ทำการยืนยันว่าการทำงานของสมองระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายนั้นมีความแตกต่างกันอย่างน่าประหลาดใจ โดยสมองของเพศหญิงนั้นใช้สมองสองส่วนซีรีบรัม (Cerebrum) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความคิดทางเหตุผล และสมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์อย่างมาก โดยทำงานสอดประสานกันไปมาระหว่างสมองทั้งสองซีก ในขณะที่ผู้ชายนั้นใช้สมองเพียงส่วนเดียวเมื่อต้องแก้ปัญหาต่างๆ เริ่มอมยิ้มกับข้อมูลนี้กันแล้วใช่ไหม นั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไมผู้หญิงจึงมีจินตนาการหรือที่กว้างไกลเกินกว่าที่มนุษย์ผู้ชายจะเข้าใจได้และแก้ปัญหาแบบลงรายละเอียดและมักอ้อมๆ ในขณะที่ผู้ชายจะแก้ปัญหาง่ายๆ ตรงไปตรงมาด้วยการคิดที่ไม่ซ้อน ในการทำงานร่วมกันหรือใช้ชีวิตร่วมกันจึงมักนำมาสู่ปัญหาระหว่างเพศอยู่บ่อยครั้ง เราจะมีทางออกในเรื่องนี้ได้อย่างไรในเมื่อเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสมองของเราทั้ง 2 เพศได้ 

1.จัดสรรหน้าที่ให้เหมาะสมกับคน
เราคงเคยได้ยินประโยค “put the right man on the right job” แต่ละเพศมีจุดเด่นตามหลักการทำงานของสมอง ดังนั้นหากเราสามารถจัดสรรการทำงานให้สอดคล้องตามข้อมูลนี้ได้ก็จะทำให้สามารถลดความขุ่นข้องหมองใจในที่ทำงานหรือครอบครัวได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

2.ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ในบางครั้งบางคราวหลายๆ การตัดสินใจ หรือการกระทำลงไปอาจไม่ได้ถูกใจของเราทั้งหมด แต่การยอมให้อีกฝ่ายได้มีพื้นที่ของตนเองย่อมในการแสดงออกเสียบ้างก็จะช่วยทำให้ไม่เกิดรอยร้าวฉานขึ้น

3.ร่วมกันแก้ปัญหา
หลายครั้งเรื่องเล็กกลายเป็นปัญหาใหญ่เมื่อไม่มีใครยอมรับและช่วยกันแก้ไข แม้ว่าการทำงานของทั้ง 2 เพศจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน แต่จะดีกว่าไหม หากทั้งสองฝ่ายร่วมด้วยช่วยกันในการแกไขปัญหาต่างๆ ข้อดีที่แต่ละฝ่ายมีนั้นจะสามารถอุดรอยรั่วที่เกิดขึ้นได้ ในการแก้ไขปัญหานั้นต้องการการแก้ไขที่ตรงและถูกจุด รวมทั้งยังต้องนึกถึงรายละเอียดและผลที่จะตามมาหลังจากนั้น หากเกิดการร่วมมือกันก็จะทำให้การทำงานหรือเรื่องราวต่างๆ ถูกจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มต้นจากการเข้าใจระบบการทำงานของสมองนี่เอง 

หากเริ่มต้นได้แบบนี้ เชื่อแน่ว่าต่อไปเมื่อพูดถึงหญิงและชายจากประโยค Turn left Turn right ก็จะกลายเป็น Together แน่นอน